สารจากประธานกรรมการบริษัท
เรียน ท่านผู้ถือหุ้น
ปี 2565 ที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่ยากอีกปีหนึ่งของผู้ประกอบกิจการเนื่องจากปัจจัยต่างๆทั้งภาวะเศรษฐกิจโลก สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ล้วนส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อ ราคาน้ำมัน ภาวะเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นปัจจัยท้าทายที่ทุกองค์กรธุรกิจทั่วโลกต้องเผชิญ นอกจากนี้ยังมีหลายปัจจัยที่ต่อเนื่องมาจากปี 2564 โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่เกิดขึ้นมากกว่าสามปี ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อภาวะเศรษฐกิจและกําลังซื้อที่ชะลอตัว รวมถึงการหยุดการดําเนินธุรกิจจากมาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศ แม้จะเริ่มมีมาตรการผ่อนคลายลงในช่วงปลายปี 2565 แต่การระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตของผู้คนไปอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สู่ชีวิตวิถีใหม่(New Normal) ที่ผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญในด้านสุขภาพและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งนับว่ามีความท้าทายมากที่สุดช่วงหนึ่งในการดำเนินธุรกิจ โดยองค์กรธุรกิจจะต้องมียุทธศาสตร์ที่ดีเพียงพอที่จะดำเนินธุรกิจให้อยู่ร่วมกับสังคมและปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม ในส่วนของบริษัทได้ใช้โอกาสในปี 2565 ที่ผ่านมาปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั้งในด้านการปรับปรุงเพิ่มเติมเครื่องจักรที่มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และลดมลภาวะทางอากาศ กลิ่น และเสียงในการดำเนินงาน โดยยังมุ่งเน้นไปในด้านการใช้พลังงานสะอาดจากธรรมชาติเพื่อช่วยลดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงานลงได้ในระยะยาว
บริษัทได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาและลงทุนด้านการลดพลังงานอย่างจริงจัง เช่น การจัดตั้งคณะทำงานด้านการจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรเพื่อกำหนดเป้าหมายและแนวทางดำเนินงานในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดการใช้ไฟฟ้าโดยใช้พลังงานทดแทนจากระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (SOLAR ROOFTOP) ที่ติดตั้งบนหลังคาอาคารโรงงาน ที่ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าลงได้ประมาณ 10 % นอกจากนี้ยังได้ดำเนินการจัดทำบ่อกักเก็บน้ำฝนบริเวณใต้โรงงานเพื่อนำมาใช้ในการดำเนินงานภายในโรงงานโดยสามารถลดการใช้น้ำประปาลงได้กว่า 13% ส่งผลให้บริษัทได้รับรางวัลบริษัทที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG 100) ประจำปี 2565 จากสถาบันไทยพัฒน์ฯ ซึ่งได้รับรางวัลเป็นปีที่ 6 เนื่องจากผลการดำเนินการและนโยบายของบริษัทที่ผ่านมายึดมั่นการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน คำนึงถึงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล
นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับรางวัลการประเมินการกำกับดูแลกิจการในระดับ “ดีเลิศ” ห้าตราสัญลักษณ์เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดจากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทยตามโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย (CGR) ประจำปี พ.ศ. 2565
ด้วยความร่วมมือจากที่ผู้บริหารและพนักงานทุกระดับได้ร่วมกันกำหนดเป้าหมายและบริหารการจัดการภายในองค์กร โดยมุ่งเน้น 3 เรื่องหลักเป็นประเด็นสำคัญอันได้แก่ การเน้นลูกค้า การเน้นประสิทธิภาพในการผลิต และการเน้นคุณภาพของสินค้า ส่งผลให้ในปี 2565 บริษัทมีผลประกอบการที่น่าพึงพอใจ โดยมียอดขายจำนวน 5,248 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 15% และมีกำไรสุทธิจำนวน 829 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 14% และคาดว่าในปี พ.ศ. 2566 บริษัทจะยังคงมีผลประกอบการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ท้ายนี้ บริษัทฯ ต้องขอขอบคุณผู้ถือหุ้น คณะกรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน และผู้มีส่วนได้เสีย ที่ได้ให้ความร่วมมือ สนับสนุน และ ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์มาอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ ขอให้คำมั่นและยืนยันที่จะขับเคลื่อน บมจ.สหมิตรถังแก๊สให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
(นายวินัย วิทวัสการเวช)
ประธานกรรมการ
(Mr.Vinai Vittavasgarnvej)
Chairman