การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม
การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมของ SMPC เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการด้าน “ความยั่งยืนในมิติสิ่งแวดล้อม” เพื่อแสดง
ถึงความมุ่งมั่นขององค์กรในการบริหารจัดการให้กลุ่มธุรกิจ สายงานและพื้นที่ปฏิบัติการต่างๆ นำไปปฏิบัติอย่างครบถ้วนและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยมุ่งเน้นการจัดการอย่างยั่งยืน
การจัดการความยั่งยืนในมิติสิ่งแวดล้อม
นโยบายและแนวปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อม
การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม บริษัทมีนโยบายดังนี้
1.
สร้างกระบวนการให้สอดคล้องกับระบบการบริหารจัดการสากล รวมถึงดำเนินการให้ทุกๆ ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทำงานและกระบวนการผลิต เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และคำนึงถึงคุณภาพของผลิตภัณฑ์และมาตรฐาน
ตามกฎหมายรวมทั้งบริการเป็นอันดับแรก
2.
ลดความสูญเสียให้มากที่สุด โดยใช้ระบบลดต้นทุน และป้องกันการเสียหายที่เกิดขึ้น เพื่อเพิ่มคุณภาพและผลผลิตของผลิตภัณฑ์ รวมถึงมุ่งมั่นในการพัฒนา ปรับปรุงระบบการจัดการคุณภาพ และเพิ่มสมรรถนะด้านสิ่งแวดล้อม
อย่างต่อเนื่อง
3.
ตอบสนองอย่างรวดเร็วและอย่างมีประสิทธิภาพต่อเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน อันเนื่องมาจากการการของบริษัท โดยให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับเจ้าหน้าที่ภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
4.
มุ่งมั่นปฏิบัติตามกฎหมาย และข้อกำหนดอื่นๆ ในบริบทขององค์กร
5.
มุ่งมั่น พัฒนา รับผิดชอบและยึดมั่นในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่นที่บริษัทตั้งอยู่และไม่กระทำการใดๆ อันจะมีผลเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยรวม เพื่อการ
ปกป้องสิ่งแวดล้อม ป้องกันมลพิษ และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด
6.
ป้องกันอุบัติเหตุและควบคุมการปล่อยของเสียให้อยู่ในระดับต่ำกว่าค่ามาตรฐานที่ยอมรับได้หรือตามที่กฎหมายที่
เกี่ยวข้องกำหนดไว้
7.
ส่งเสริมความตระหนักในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมให้แก่บุคลากรในองค์กร
8.
ปลูกฝังให้บุคลากรในองค์กรมีจิตสำนึกในด้านคุณภาพ สิ่งแวดล้อม และความปลอดภัย
ผลการดำเนินงาน
บริษัทได้ตระหนักว่า การประกอบธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนั้น เป็นอีกหนึ่งปัจจัยของความยั่งยืน และเพื่อให้เป็น
มาตรฐานสากลและเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป บริษัทจึงมีนโยบายส่งเสริมให้พนักงานใช้ทรัพยากร ได้แก่ ไฟฟ้า ประปา น้ำมัน อย่างมีประสิทธิภาพ และควบคุมปริมาณการใช้อย่างเหมาะสม ตั้งแต่ปี 2560 บริษัทได้รับการรับรอง ISO 14001:2015 มาตรฐานระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม
บริษัทฯ ได้มีการบริหารจัดการพลังงานเพื่อให้เกิดการใช้ที่มีประโยชน์และประสิทธิภาพสูงสุด โดยทุกปีบริษัทและคณะกรรมการระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมได้มีการกำหนดเป้าหมายและมีการดำเนินงานด้านการลดการใช้ไฟฟ้า โดยมีเป้าหมายและการดำเนินงานดังนี้
การใช้ไฟฟ้าของบริษัทในปี 2566 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2565 พบว่าปริมาณการใช้ไฟฟ้าโดยรวมลดลง 7.6% ปริมาณการใช้ไฟฟ้าต่อยอดการผลิตเพิ่มขึ้น 4.4% เนื่องจากในปี 2566 บริษัทมียอดการผลิตที่ลดลงส่งผลให้ปริมาณการใช้ไฟฟ้าเมื่อเทียบกับยอดการผลิตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงมีการรณรงค์การลดใช้พลังงาน และเพิ่มการตรวจสอบอัตราการรั่วไหลในจุดต่างๆ เช่น การรั่วไหลของระบบอัดอากาศและลมของโรงงาน นอกจากนี้บริษัทได้มีการดำเนินกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการลดใช้ไฟฟ้า ดังนี้
กิจกรรมเพื่อส่งเสริมการลดใช้ไฟฟ้า
- การเปลี่ยนหลอดไฟเป็นแบบประหยัดพลังงาน
- การบำรุงรักษาเครื่องจักรและอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ
- ใช้พลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ โดยติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาโรงงาน (Solar Rooftop)
- เพิ่มประสิทธิภาพ Air Compressor ทดแทนตัวเดิมที่มีประสิทธิภาพต่ำ
- ปรับปรุงฉนวนกันความร้อนผนังเตาเผาและประตูเตาเผา
บริษัทฯ มีการบริหารจัดการน้ำให้มีการใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการใช้น้ำ ลดการสูญเสียน้ำ มีการบริหารจัดการคุณภาพของน้ำ โดยทุกปีบริษัทและคณะกรรมการระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมได้มีการกำหนดเป้าหมายและมีการดำเนินงานด้านการลดการน้ำ โดยมีเป้าหมายและการดำเนินงานดังนี้
การใช้น้ำประปาของบริษัทฯ ในปี 2566 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2565 พบว่าปริมาณการใช้น้ำประปาโดยรวมลดลง 19% ปริมาณการใช้น้ำประปาต่อยอดการผลิตลดลง 8.4% อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังคงดำเนินกิจกรรมส่งเสริมและรณรงค์การลดใช้น้ำประปาอย่างต่อเนื่อง และได้เพิ่มมาตรการตรวจสอบการรั่วไหลของน้ำ โดยบริษัทฯ ได้มีการดำเนินกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการลดใช้น้ำประปา ดังนี้
กิจกรรมส่งเสริมการลดใช้น้ำประปา
- น้ำที่ใช้ในกระบวนการผลิตบริษัทได้บำบัดและนำน้ำที่ผ่านการบำบัด การกรอง และการฆ่าเชื้อแล้ว กลับมาใช้ใหม่ 100%
- ขยายปริมาณการรองรับน้ำเพื่อให้สามารถรองรับน้ำที่จะนำกลับมาใช้ใหม่ได้มากขึ้น
- กักเก็บน้ำฝนในบ่อพักน้ำสำรองเพื่อนำไปใช้ในกระบวนการผลิต
- มาตรการตรวจสอบจุดรั่วไหลของท่อส่งน้ำภายในโรงงาน เพื่อลดการสิ้นเปลืองน้ำ
บริษัทฯ ได้มีการบริหารจัดการขยะของเสีย ทั้งขยะของเสียอันตรายและไม่อันตราย โดยบริษัทได้ส่งเสริมให้มีการจัดการและการแยกขยะ ได้มีข้อมูลการดำเนินงานด้านการจัดการขยะและของเสีย ดังนี้
ในปี 2566 ขยะและของเสียไม่อันตราย 76% ถูกนำไปใช้ประโยชน์โดยการนำไปรีไซเคิล และขยะของเสียอันตรายบริษัทได้มีการติดตั้งกล่องดักฝุ่นซิงค์ในไลน์การผลิต ทำให้สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำและรีไซเคิลได้ 21% โดยบริษัทมีกิจกรรมส่งเสริมการจัดการขยะและของเสีย ดังนี้
กิจกรรมส่งเสริมการจัดการขยะและของเสีย
- บริษัทฯ ได้จัดหาภาชนะรองรับขยะที่เหมาะสม มีการแยกขยะ และจัดเก็บขยะแต่ละประเภทให้เป็นระเบียบ
- จัดสร้างโรงพักขยะปนเปื้อน และส่งกำจัดกับบริษัทที่ได้มาตรฐานเมื่อมีปริมาณที่เหมาะสม
- ดำเนินการ “โครงการธนาคารขยะ” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทำกิจกรรม 5 ส ของบริษัท โดยบริษัทได้ดำเนินโครงการมาอย่างต่อเนื่อง และพนักงานทุกคนในบริษัทได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมนี้
บริษัทฯ ได้มีการควบคุมอัตราการระบายมลพิษทางอากาศให้อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดโดยทุกปีบริษัทและคณะกรรมการระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมได้มีการกำหนดเป้าหมายและมีการดำเนินงานด้านมลพิษทางอากาศ โดยมีเป้าหมายและการดำเนินงานดังนี้
กิจกรรมส่งเสริมการจัดการคุณภาพอากาศ
- การลดฝุ่นละอองภายในบริษัทก่อนที่จะกระจายสู่ชุมชนรอบๆโรงงาน โดยการใช้บริการบริษัทภายนอกนำอุปกรณ์เข้ามาเพื่อดูดฝุ่นภายในโรงงานเป็นประจำทุกวัน
- นำระบบบำบัดอากาศแบบเปียก (Wet Scrubber) มาใช้ในกระบวนการผลิต เพื่อไม่ให้มีการปล่อยควันและฝุ่นที่เกิดจากกระบวนการผลิตไปสู่อากาศ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- กำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบคุณภาพอากาศจากปล่องระบายเป็นประจำ พร้อมทั้งจัดให้มีแผนการตรวจสอบและบำรุงเชิงป้องกันของอุปกรณ์หรือเครื่องจักรอย่างสม่ำเสมอ
- มาตรการตรวจสอบม่านน้ำ. สเปรย์น้ำและฟิลเตอร์ดักฝุ่นละอองของระบบบำบัดอากาศแบบเปียก (Wet Scrubber)
บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและสภาวะโลกร้อน ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการจัดการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเพื่อตอบสนองต่อนโยบายของภาครัฐและภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศที่ให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก บริษัทจึงได้จัดตั้งคณะทำงานด้านการจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร และได้ทำการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร โดยเริ่มจัดทำข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2564 มีกระบวนการทวนสอบข้อมูล การจัดเก็บข้อมูล วัดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นมาตรฐาน โดยในปี 2566 บริษัทได้ว่าจ้างบริษัท อีซีอี อี จำกัด เป็นผู้ทวนสอบข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร ซึ่งเป็นข้อมูลระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2565 ถึง 31 ธันวาคม 2565 และได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Carbon Footprint for Organization) จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)
บริษัทฯ ได้กำหนดเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และผลการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกดังนี้
1. ก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นทางตรง (Scope 1)
เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงต่างๆ ทั้งจากเครื่องจักร และจากพาหนะของบริษัทที่บริษัทเป็นเจ้าของ เช่น การเผาไหม้จากการใช้ LPG, น้ำมันเบนซินและดีเซล เป็นต้น การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการผลิต การใช้สารทำความเย็น และการใช้สารเคมีในระบบการบำบัดน้ำเสีย
2. ก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้พลังงาน (Scope 2)
เกิดจากการใช้พลังงานไฟฟ้าของบริษัท
3. ก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมด้านอื่นๆ (Scope 3)
เกิดจากการได้มาของพลังงานและเชื้อเพลิงต่างๆ เช่น LPG น้ำมันเบนซิน ดีเซล และไฟฟ้า
ในปี 2566 บริษัทฯ ได้กำหนดเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกร้อยละ 1.63 เทียบจากปี 2565 ซึ่งในปี 2566 บริษัทลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ 977 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือลดลงร้อยละ 4 เทียบกับปีฐาน 2565
บริษัทฯ มีการตรวจวัดระดับเสียง แสงสว่าง และความร้อน เพื่อให้พนักงานและผู้ปฎิบัติงานมีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีและเพื่อป้องกันอันตรายและสุขภาวะที่ดีของผู้ปฎิบัติงาน โดยมีเป้าหมายและผลการดำเนินงานดังนี้
- ด้านระดับเสียง บริษัทตรวจวัดเสียงอย่างสม่ำเสมอตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ก่อมลพิษทางเสียงแก่ชุมชนข้างเคียง นำอุปกรณ์ลดเสียงลม (Silencers) มาใช้ในกระบวนการผลิต ติดตั้งผนังกันเสียง, ติดตั้งอุโมงค์ครอบกั้นเสียง, ห้องครอบโบลเวอร์พ่นสีน้ำและสีฝุ่น, ห้องครอบโบลเวอร์เตาเผา โบลเวอร์พ่นซิงค์และโบลเวอร์ยิงทราย เพื่อลดเสียงที่เกิดจากการทำงานในโรงงาน ทำการปลูกต้นไม้รอบรั้วโรงงานเพื่อเป็นกำแพงกันเสียง ติดตั้งผนังกันเสียงเพื่อลดมลภาวะทางเสียงอีกทั้งยังพิจารณาแนวทางอื่นๆเพิ่มเติมในการป้องกันและจัดการมลพิษทางเสียงอีกด้วย ในส่วนของพนักงานบริษัทได้จัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันเสียงส่วนบุคคลที่เหมาะสมกับประเภทของงาน (ได้แก่ ปลั๊กอุดหู ที่ครอบหู เป็นต้น) ให้พนักงานที่ต้องทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงจากมลพิษทางเสียง พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์และรณรงค์ให้พนักงานสวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน นอกจากนี้ยังจัดให้มีการตรวจสุขภาพการได้ยินของพนักงานที่ต้องทำงานในพื้นที่ที่เสียงดังเกินมาตรฐานในการตรวจสุขภาพประจำปี
- ด้านแสงสว่าง บริษัทตรวจวัดแสงสว่างในพื้นที่ทำงาน เพื่อให้พนักงานได้ทำงานในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ เพื่อสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดี และป้องกันการเกิดอุบัติเหตุระหว่างการทำงาน
- ด้านความร้อน บริษัทตรวจวัดความร้อนในพื้นที่ทำงาน และมีมาตรการแก้ไขทันทีเมื่อพบว่าความร้อนในพื้นที่การทำงานไม่เหมาะสม
การให้ความรู้และการฝึกอบรมพนักงานเรื่องสิ่งแวดล้อม
บริษัทมีแผนปลูกฝังจิตสำนึกและเผยแพร่แนวคิดในด้านการใช้ทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้พนัก
งานบริษัททุกคนได้รับรู้ ผ่านการฝึกอบรม บอร์ดประชาสัมพันธ์ของบริษัท หรือติดป้ายตามสถานที่ต่างๆ รวมทั้งจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นให้พนักงานทุกระดับได้เข้าใจการใช้ทรัพยากรและรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างถูกต้อง ดังนี้
1. อบรมข้อกำหนดของ ISO14001 ให้แก่พนักงานใหม่ทุกคน พร้อมกันนี้ทีมประชาสัมพันธ์ของโครงการ ISO14001 ยังได้
บรรจุแผนการทบทวนความรู้ให้กับพนักงานทุกปี
2. รณรงค์การคัดแยกขยะ ได้แก่ ขยะทั่วไป ขยะรีไซเคิล และขยะอันตราย ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
3. ประชาสัมพันธ์ด้านการอนุรักษ์พลังงานทั้งภายในและภายนอกองค์กร ได้แก่ คู่ค้า หรือ คนในชุมชน โดยการทำแผ่นพับ
คู่มือในการติดต่อและข้อระเบียบต่างๆ
4. บริษัทมีศูนย์รับเรื่องร้องเรียน ซึ่งสามารถติดต่อร้องเรียนเรื่องผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากบริษัทได้ที่
หมายเลข 02-895-4139 หรือที่ อีเมล em@smpcplc.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
5. ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทจัดให้มีวาระพิจารณาติดตามและดำเนินการ กรณีได้รับการแจ้งเบาะแสและข้อ
ร้องเรียน (Whistle Blowing) เป็นประจำในการประชุมทุกไตรมาส