อาชีวอนามัยและความปลอดภัย
การบริหารจัดการด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของ SMPC อยู่ภายใต้การบริหารจัดการด้าน Occupational Safety,
Health, and-Working Environment ซึ่งมีการกำหนดนโยบายที่อ้างอิงมาตรฐานและแนวปฏิบัติของประเทศไทยและระดับสากล โดยยึดหลักแนวทางการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานดังนี้
- ความปลอดภัยส่วนบุคคลของผู้ปฏิบัติงาน
- ความปลอดภัยของเครื่องจักร และกระบวนการผลิต
- การตรวจวัดสภาพแวดล้อมในการทำงานให้ได้ตามข้อกำหนดตามกฎหมาย
- การดูแลสุขภาพอนามัยของพนักงาน
- การบริหารจัดการในภาวะโรคระบาด
นโยบายความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน
บริษัทได้แต่งตั้งคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน (คปอ.) ตั้งแต่วันที่ 14
พฤศจิกายน 2531 ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากแผนกต่าง ๆ ภายในบริษัทและตัวแทนจากบริษัทผู้รับเหมาซึ่งทำหน้าที่สังเกตการณ์ โดยดำรงตำแหน่งคราวละ 2 ปี ซึ่งคณะกรรมการมีหน้าที่ ดังต่อไปนี้
- จัดทำนโยบายด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานของสถานประกอบกิจการเสนอต่อนายจ้าง โดยนโยบายและเป้าหมายของปี 2567 ยังคงนโยบายและเป้าหมายต่อเนื่องจากปีที่ผ่านๆมา คือ การลดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานให้เป็นศูนย์
- จัดทำแนวทางการป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุ การประสบอันตราย การเจ็บป่วยหรือการเกิดเหตุเดือดร้อนรำคาญอันเนื่องจากการทำงานของลูกจ้างหรือความไม่ปลอดภัยในการทำงานเสนอต่อนายจ้าง
- รายงานและเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางปรับปรุงแก้ไขสภาพการทำงานและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ให้เป็นไปตามกฎหมายเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงานต่อนายจ้างเพื่อความปลอดภัยในการทำงานของลูกจ้าง ผู้รับเหมาและบุคคลภายนอกที่เข้ามาปฏิบัติงานหรือเข้ามาใช้บริการในสถานประกอบกิจการ
- ส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมด้านความปลอดภัยในการทำงานของสถานประกอบกิจการ
- พิจารณาคู่มือว่าด้วยความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานของสถานประกอบกิจการเพื่อเสนอความเห็นต่อนายจ้าง
- สำรวจการปฏิบัติการด้านความปลอดภัยในการทำงานและรายงานผลการสำรวจดังกล่าว รวมทั้งสถิติการประสบอันตรายที่เกิดขึ้นในสถานประกอบกิจการนั้น ในการประชุมคณะกรรมการความปลอดภัยทุกครั้ง พร้อมทั้งรายงานให้นายจ้างทราบทุกไตรมาส
- พิจารณาโครงการหรือแผนการฝึกอบรมเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน รวมถึงโครงการหรือแผนการอบรมเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบในด้านความปลอดภัยของลูกจ้าง หัวหน้างาน ผู้บริหาร นายจ้างและบุคลากรทุกระดับเพื่อเสนอความเห็นต่อนายจ้าง
- จัดวางระบบให้ลูกจ้างทุกคนทุกระดับมีหน้าที่ต้องรายงานสภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัยต่อนายจ้าง
- ติดตามผลความคืบหน้าเรื่องที่เสนอต่อนายจ้าง
- รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี รวมทั้งระบุปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการความปลอดภัยเมื่อปฏิบัติหน้าที่ครบหนึ่งปีเสนอต่อนายจ้าง
- ประเมินผลการดำเนินงานด้านความปลอดภัยในการทำงานของสถานประกอบกิจการ
- ปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยในการทำงานอื่นตามที่นายจ้างมอบหมาย
โดยคณะกรรมการ คปอ. มีกำหนดการประชุมเป็นประจำทุกเดือน โดยมีวาระการประชุมร่วมกันสำรวจบริเวณโรงงาน
เพื่อชี้จุดเสี่ยง และหาทางแก้ไขและป้องกันไม่ให้เกิดอันตราย พร้อมกับมีการสนับสนุนให้คณะกรรมการเสนอความคิดเห็นสิ่งที่ควรจะทำเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัยของพนักงาน
ผลการดำเนินงาน
เป้าหมายและสถิติการบาดเจ็บของพนักงานและผู้รับเหมาที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ของบริษัท มีดังนี้
ในปี 2567 ไม่มีอุบัติเหตุรุนแรงถึงขั้นทุพพลภาพหรือเสียชีวิตของพนักงานและผู้รับเหมาที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ของบริษัทฯ
แต่ยังคงมีการเกิดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานของพนักงานและผู้รับเหมาที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย อย่างไรก็ตามการเกิดอุบัติเหตุของปี 2567 เมื่อเทียบกับปี 2566 มีจำนวนการเกิดอุบัติเพิ่มขึ้น7% โดยบริษัทฯ มีแนวทางการป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำเมื่อเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้งคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (คปอ.) และผู้ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันสอบสวนและวิเคราะห์สาเหตุ เพื่อหาแนวทางการแก้ไขและป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายในการลดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานให้เป็นศูนย์ จึงได้มีแผนงานและการดำเนินงาน ดังนี้
การดำเนินกิจกรรมลดอุบัติเหตุจากการทำงาน
บริษัทควบคุมดูแลและปรับปรุงให้ทุกพื้นที่ปฏิบัติงานมีความปลอดภัย และมีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีถูกหลักอาชีว
อนามัยมาอย่างต่อเนื่อง บริษัทเชื่อมั่นว่าความปลอดภัยในการปฏิบัติงานจะเกิดขึ้นได้ เมื่อพนักงาน และผู้ปฏิบัติงานมีความตระหนักรู้ในอันตรายและความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น ตลอดจนเข้าใจในมาตรการความปลอดภัยอย่างแท้จริงโดยบริษัทมีการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่
- การอบรมให้ความรู้ด้านความปลอดภัย โดยบริษัทฯ ได้อบรมด้านความปลอดภัยในการปฏิบัติงานให้กับพนักงานทุกระดับทั้งพนักงานที่เข้าใหม่และพนักงานที่บรรจุแล้ว รวมถึงผู้รับเหมาที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ของบริษัทฯ ตามความจำเป็นของแต่ละลักษณะงานและพื้นที่การทำงาน
- มีการจัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลให้แก่ผู้ปฏิบัติงานอย่างเหมาะสมกับลักษณะพื้นที่การทำงาน และให้พนักงานตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการใส่อุปกรณ์ป้องกันนิรภัย รวมถึงมีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยระดับหัวหน้างาน และเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยระดับวิชาชีพ ตรวจตราอย่างเข้มงวดเพื่อให้มั่นใจได้ว่าพนักงานและผู้รับเหมาได้มีการสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลอย่างถุกต้องและเหมาะสม
- ตรวจวัดสภาพแวดล้อมในการทำงาน โดยมีการตรวจวัดตามที่กฎหมายกำหนดปีละ 1 ครั้ง ได้แก่ การตรวจวัดความเข้มข้นของสารเคมี การตรวจคุณภาพอากาศ การตรวจวัดเสียง การตรวจวัดแสงสว่าง และการตรวจวัดความร้อนในพื้นที่การทำงาน ซึ่งผลการตรวจวัดในปี 2567 พบว่าผ่านเกณฑ์มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด
- วิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงในด้านความปลอดภัย รวมถึงทำการวิเคราะห์งานด้านความปลอดภัยเพื่อหาแนวโน้มของอันตรายที่จะเกิดขึ้น จุดเสี่ยงที่อาจเกิดอันตรายจากการปฏิบัติงานพร้อมทั้งหาทางแก้ไขและป้องกันไม่ให้เกิดอันตราย โดยจัดให้มีการวิเคราะห์เพื่อชี้บ่งอันตราย (JSA) กำหนดมาตรการป้องกันทุกกิจกรรม
- มีการซ้อมแผนฉุกเฉินประจำปีทั้งหมด 7 แผน ได้แก่ การป้องกันและระงับเหตุอัคคีภัย การป้องกันและระงับเหตุสารเคมีอันตรายรั่วไหล การป้องกันและระงับเหตุอุทกภัย การป้องกันและระงับเหตุน้ำเสียไหลล้น การป้องกันและระงับเหตุฉุกเฉินจากรังสี การป้องกันและระงับเหตุแก๊สรั่วไหล และการป้องกันอุบัติภัยเพื่อตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน ในกรณีเกิดเหตุรั่วไหล อัคคีภัย และการระเบิดของกากอุตสาหกรรม
- ตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ดังนี้
– ตรวจสอบสภาพความไม่ปลอดภัยของเครื่องจักรและอุปกรณ์
– ตรวจการสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลขณะปฏิบัติงาน
– ตรวจเช็คอุปกรณ์ดับเพลิง
– ตรวจเช็คอุปกรณ์เตือนภัย / สัญญาณแจ้งเหตุฉุกเฉิน
– ตรวจเช็ครถพยาบาล / อุปกรณ์ปฐมพยาบาล / ห้องปฐมพยาบาล
– จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานอย่างน้อย
เดือนละ 1 ครั้ง

